การมองเห็นเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ดังนั้นการเข้ารับบริการตรวจสายตาโดยละเอียด จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในยุคที่ดวงตาต้องเผชิญกับแสงจากหน้าจอและสภาพแวดล้อมที่อาจกระทบต่อการมองเห็นโดยไม่รู้ตัว

หลายคนอาจเข้าใจว่าการตรวจสายตาคือแค่การวัดค่าสายตาสั้น-ยาว แต่ในความเป็นจริงแล้วบริการตรวจสายตาโดยละเอียดมีขั้นตอนมากกว่านั้น และมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์สุขภาพดวงตาในเชิงลึก เพื่อป้องกันโรคทางตาและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่แสดงอาการชัดเจน

บริการตรวจสายตาโดยละเอียดทำไมต้องตรวจสายตาอย่างละเอียด ?

การตรวจสายตาทั่วไปอาจเพียงพอสำหรับการเลือกเลนส์แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ แต่หากคุณเริ่มมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น เช่น เห็นภาพเบลอ ปวดตา หรือมีประวัติโรคทางตาในครอบครัว การตรวจแบบละเอียดจะช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการดูแลรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น

บริการตรวจสายตาโดยละเอียด ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงต่อโรคตาเรื้อรัง เช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาเสื่อม

กระบวนการของบริการตรวจสายตาโดยละเอียด

ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญที่มักอยู่ในแพ็กเกจของบริการตรวจสายตาโดยละเอียดที่คลินิกหรือโรงพยาบาลชั้นนำใช้กัน

  • ซักประวัติและอาการเบื้องต้น

เริ่มจากการพูดคุยสอบถามข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการมองเห็น พฤติกรรมการใช้สายตา ประวัติโรคตาในครอบครัว รวมถึงโรคประจำตัวที่อาจมีผลต่อดวงตา

  • ตรวจวัดค่าสายตา (Refractive Error Test)

ใช้เครื่องมือวัดค่าความผิดปกติของสายตา เช่น สายตาสั้น ยาว หรือเอียง โดยอาจมีการใช้เลนส์ทดลองเพื่อทดสอบความชัดเจนของการมองเห็น

  • ตรวจความดันตา (Tonometry)

เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคต้อหิน โดยใช้เครื่องมือวัดแรงดันภายในลูกตา ซึ่งหากสูงเกินไปอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคที่ต้องรักษาทันที

  • ตรวจจอประสาทตา (Fundus Exam)

แพทย์จะใช้กล้องพิเศษส่องเข้าไปดูจอประสาทตา เพื่อตรวจหาเส้นเลือดผิดปกติ จุดบอด หรือสัญญาณของโรคที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานและความดันโลหิต

  • ตรวจลานสายตา (Visual Field Test)

เพื่อวัดขอบเขตการมองเห็นว่าเป็นปกติหรือไม่ หากมีบริเวณที่มองไม่เห็นโดยไม่รู้ตัว อาจบ่งชี้ถึงโรคทางสมองหรือจอประสาทตาเสื่อมได้

  • ตรวจความสามารถในการโฟกัสและการเคลื่อนไหวของตา

วิเคราะห์ว่าตาทั้งสองข้างทำงานประสานกันดีหรือไม่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการมองเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น การอ่านหนังสือหรือขับรถ

ตรวจสายตาบ่อยแค่ไหนถึงจะพอ ?

ผู้ที่ไม่มีปัญหาทางสายตาโดยตรง ควรเข้ารับบริการตรวจสายตาโดยละเอียดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงควรตรวจตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การตรวจเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะมีโอกาสรักษาให้หายขาดหรือชะลอความเสื่อมของดวงตาได้มากขึ้น