ทองคำ—โลหะมีค่าที่มนุษย์หลงใหลมาตั้งแต่อดีตกาล ไม่เพียงแค่ความงดงามที่ดึงดูดสายตา แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน ในยุคที่ตลาดการเงินผันผวน เศรษฐกิจโลกเผชิญความท้าทาย และเงินเฟ้อคุกคามค่าเงิน หลายคนหันมาพิจารณาทองคำเป็นทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น แต่ทำไมนักลงทุนทั้งมืออาชีพและมือใหม่จึงยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในทองคำ? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในทุกยุคสมัย
ประวัติศาสตร์ของทองคำในฐานะเครื่องมือการลงทุน
จากอดีตสู่ปัจจุบัน: ทองคำในระบบการเงินโลก
ทองคำมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในฐานะสื่อกลางการแลกเปลี่ยนและเก็บรักษามูลค่า ย้อนกลับไปในอดีต อาณาจักรโบราณหลายแห่งใช้ทองคำเป็นเงินตรา ในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศใช้ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ซึ่งกำหนดให้เงินตราต้องมีทองคำหนุนหลัง
แม้ว่าปัจจุบันระบบการเงินโลกจะไม่ได้ยึดโยงกับทองคำโดยตรงแล้ว แต่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงถือครองทองคำเป็นทุนสำรองในปริมาณมาก ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่า ณ ปี 2023 ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำรวมกันมากกว่า 35,000 ตัน โดยประเทศสหรัฐอเมริกาครองอันดับหนึ่งด้วยทองคำสำรองกว่า 8,133 ตัน
ทองคำในบริบทของประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย ทองคำมีความสำคัญทั้งในแง่วัฒนธรรมและการลงทุน คนไทยมีความคุ้นเคยกับการซื้อทองรูปพรรณเพื่อเป็นเครื่องประดับและเก็บออม ธนาคารแห่งประเทศไทยมีทองคำสำรองประมาณ 154 ตัน (ข้อมูล ณ ปี 2023) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทองคำในระบบการเงินของประเทศ
เหตุผลสำคัญที่ควรลงทุนในทองคำ
1. การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
หนึ่งในเหตุผลหลักที่นักลงทุนเลือกทองคำคือคุณสมบัติในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) เมื่อค่าเงินลดลงเนื่องจากเงินเฟ้อ ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้นเพื่อรักษามูลค่าที่แท้จริง
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในช่วงเงินเฟ้อสูงในทศวรรษ 1970 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นจาก 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 1971 เป็นมากกว่า 800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 1980 เช่นเดียวกับในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 และการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 ที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในประเทศไทย ช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงในปี 2022 ที่เกิน 7% ราคาทองคำในประเทศก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าทองคำยังคงทำหน้าที่ปกป้องมูลค่าเงินในภาวะเงินเฟ้อได้ดี
2. การกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
ทองคำมีความสัมพันธ์เชิงลบหรือไม่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยเฉพาะหุ้นและพันธบัตร นั่นหมายความว่าเมื่อตลาดหุ้นตกต่ำ ราคาทองคำมักจะไม่ได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกัน หรืออาจปรับตัวสูงขึ้น
การศึกษาจาก World Gold Council พบว่าการเพิ่มทองคำ 2-10% ในพอร์ตการลงทุนสามารถช่วยลดความผันผวนโดยรวมและปรับปรุงอัตราผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (risk-adjusted returns) ได้
นักลงทุนไทยที่มีพอร์ตการลงทุนที่กระจายตัวดีควรพิจารณาจัดสรรส่วนหนึ่งให้กับทองคำ เพื่อสร้างความสมดุลและลดความเสี่ยงโดยรวม
3. ความปลอดภัยในช่วงวิกฤต (Safe Haven)
ทองคำมักถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven Asset) ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนหรือมีวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจ นักลงทุนมักหันไปซื้อทองคำเพื่อปกป้องเงินทุน
ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลงกว่า 38% ราคาทองคำกลับเพิ่มขึ้น 5.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 ที่ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,067 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับประเทศไทยที่เคยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้ง เช่น วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ผู้ที่ถือครองทองคำสามารถรักษามูลค่าเงินทุนได้ดีกว่าการถือเงินบาทที่เสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็ว
4. การรักษามูลค่าในระยะยาว
ทองคำมีคุณสมบัติในการรักษามูลค่าในระยะยาว แม้ว่าในระยะสั้นราคาอาจผันผวน แต่เมื่อมองในระยะเวลายาวนาน ทองคำสามารถรักษากำลังซื้อได้ดี
ข้อมูลย้อนหลัง 50 ปีแสดงให้เห็นว่าทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7-8% ต่อปี ซึ่งสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวได้ ในประเทศไทย ราคาทองคำแท่งในปี 2543 อยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทต่อบาท (15.16 กรัม) เทียบกับปัจจุบัน (2023) ที่มากกว่า 30,000 บาทต่อบาท แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
5. สภาพคล่องสูง
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ง่ายทั้งในรูปแบบทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือผ่านกองทุนรวมทองคำ (Gold ETF) ตลาดทองคำเปิดทำการเกือบตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ทำให้สามารถซื้อขายได้แทบทุกเวลา
ในประเทศไทย มีร้านทองกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้การซื้อขายทองคำเป็นเรื่องสะดวก นอกจากนี้ยังมีช่องทางการลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เช่น SPDR Gold Shares (GLD) หรือ iShares Gold Trust (IAU)
6. ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากตลาดเกิดใหม่
ความต้องการทองคำจากประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองประเทศนี้รวมกันคิดเป็นประมาณ 50% ของความต้องการทองคำเพื่อเครื่องประดับทั่วโลก
การเติบโตของชนชั้นกลางในประเทศเหล่านี้ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบเครื่องประดับและการลงทุน นอกจากนี้ ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่หลายแห่งยังเพิ่มการถือครองทองคำในทุนสำรองของตน
7. อุปทานที่จำกัด
ทองคำเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด การผลิตทองคำใหม่จากเหมืองทั่วโลกเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 1-2% ต่อปี ในขณะที่การค้นพบแหล่งทองคำใหม่ที่มีคุณภาพสูงเกิดขึ้นน้อยลง
ข้อมูลจาก World Gold Council ระบุว่าปริมาณทองคำทั้งหมดที่เคยขุดได้ในประวัติศาสตร์มนุษย์มีประมาณ 197,576 ตัน ซึ่งหากนำมารวมกันจะมีขนาดเพียงลูกบาศก์ที่มีความยาวด้านละประมาณ 21 เมตรเท่านั้น
ความจำกัดของอุปทานนี้ ประกอบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว
รูปแบบการลงทุนในทองคำ
ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ
การลงทุนในทองคำแท่งและทองรูปพรรณเป็นวิธีที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด ทองคำแท่งมีค่าพรีเมียม (ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขาย) ที่ต่ำกว่าทองรูปพรรณ ทำให้เหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่า ในขณะที่ทองรูปพรรณมีค่ากำเหน็จในการผลิตที่สูงกว่า
ข้อดีของการถือครองทองคำจริงคือการมีสินทรัพย์ทางกายภาพที่สามารถนำติดตัวได้ แต่มีข้อเสียคือต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาและความปลอดภัย
กองทุนรวมทองคำ (Gold ETF)
กองทุนรวมทองคำหรือ Gold ETF เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยไม่ต้องเก็บรักษาทองคำจริง กองทุนเหล่านี้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น และราคาเคลื่อนไหวตามราคาทองคำในตลาดโลก
ในประเทศไทยมีกองทุนรวมทองคำให้เลือกหลายกองทุน เช่น กองทุนเปิดทหารไทย Gold Fund (TMBGOLD) หรือกองทุนเปิด KTAM Gold ETF Tracker (GLD) ซึ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อทองคำจริง (เนื่องจากใช้ระบบมาร์จิ้น)
ในประเทศไทย ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีความเสี่ยงสูงและเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้และประสบการณ์
หุ้นบริษัทเหมืองทอง
การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมืองทองคำเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในทองคำโดยตรงในบางช่วงเวลา แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นกัน เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาทองคำเพียงอย่างเดียว
ในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทองคำให้เลือกลงทุนไม่มากนัก แต่นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นบริษัทเหมืองทองในต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศได้
ข้อควรพิจารณาก่อนลงทุนในทองคำ
ความผันผวนของราคาในระยะสั้น
แม้ว่าทองคำจะรักษามูลค่าได้ดีในระยะยาว แต่ราคาทองคำสามารถผันผวนอย่างมากในระยะสั้น นักลงทุนควรเตรียมใจรับความผันผวนนี้และมองการลงทุนในทองคำเป็นการลงทุนระยะยาว
ไม่มีรายได้จากเงินปันผลหรือดอกเบี้ย
ทองคำไม่สร้างกระแสเงินสดเหมือนการลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลหรือพันธบัตรที่จ่ายดอกเบี้ย ผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาเท่านั้น
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
การลงทุนในทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา เช่น ค่าเช่าตู้นิรภัยที่ธนาคาร หรือค่าประกันภัย ซึ่งอาจลดผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุน
สัดส่วนที่เหมาะสมในพอร์ตการลงทุน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนส่วนใหญ่แนะนำให้จัดสรรประมาณ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนให้กับทองคำ สัดส่วนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุนของแต่ละบุคคล
บทสรุป
การลงทุนในทองคำยังคงมีความสำคัญในยุคปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ การเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงวิกฤต และการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ควรพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม นักลงทุนควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุนของตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในทองคำ
ในท้ายที่สุด ทองคำไม่ใช่เพียงโลหะมีค่าที่สวยงาม แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องความมั่งคั่งและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับนักลงทุนมาตลอดประวัติศาสตร์ และน่าจะยังคงทำหน้าที่นี้ต่อไปในอนาคต
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ กลยุทธ์การลงทุน และการวิเคราะห์ตลาดทองคำล่าสุด เชิญเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
แหล่งข้อมูล
- World Gold Council – “Gold Demand Trends” – https://www.gold.org/goldhub/research/gold-demand-trends
- ธนาคารแห่งประเทศไทย – “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” – https://www.bot.or.th/Thai/Statistics/
- สมาคมค้าทองคำ – “ราคาทองคำย้อนหลัง” – https://www.goldtraders.or.th/
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – “กองทุนรวมทองคำ” – https://www.set.or.th/th/products/etf/
- บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) – “สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า” – https://www.tfex.co.th/th/education/gold-futures.html
#ลงทุนทองคำ #ทองคำ #การลงทุน #ป้องกันความเสี่ยง #สินทรัพย์ปลอดภัย #กระจายการลงทุน #เงินเฟ้อ #ทองแท่ง #ทองรูปพรรณ #GoldETF